อะไรคือ
Echolink
โดย
HS9DMC
Last Update
ศุกร์, 05 ตุลาคม 2555 21:27:40
@ ภาพทุกภาพ ข้อความทุกข้อความในเวบไซด์นี้มอบให้เป็น ลิขสิทธิ์สาธารณะ (GPL) @ |
ปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน็ตในประทศไทยได้พัฒนาอย่างยิ่งยวด
ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับต่างภูมิภาค
หรือกับต่างประเทศ
ได้อย่างรวดเร็วมาก
การติดต่อสื่อสารกันบนระบบอินเตอร์เน็ตนั้นมีหลายรูปแบบ
เช่นการเปิดเว็บไซด์มาดูข่าวสาร,
การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(E-mail),
การพิมพ์ข้อความพูดคุยกัน (ICQ ,
QQ , Chat , MSN)
หรือแม้แต่การสนทนาหรือประชุมกันบนระบบอินเตอร์เน็ต
(Conferrent)
แต่การสื่อสารในลักษณะที่ยกตัวอย่างมานี้จะต้องนั่งอยู่ที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นซึ่งไม่สะดวกมากนัก มีนักวิทยุสมัครเล่นชาวต่างประเทศได้พัฒนาโปรแกรมที่ใช้ในการสื่อสารกันบนอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยข้อความ (Text) หรือเสียงพูด (Voice) ซึ่งก็มีด้วยกันหลายโปรแกรมขึ้นอยู่กับกลุ่มที่เค้าจะพัฒนาขึ้นมา... ในจำนวนหลาย ๆ กลุ่มนี้ มีนักวิทยุสมัครเล่นอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดยคุณ Jonathan Taylor (K1RFD) CT USA ได้พัฒนาโปรแกรมที่ชื่อว่า Echolink ขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่จะให้นักวิทยุสมัครเล่นได้ใช้พูดคุยกันโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกัน โดยมีข้อกำหนดว่าผู้ที่จะใช้โปรแกรมนี้ได้จะต้องเป็นนักวิทยุสมัครเล่นที่ทางกลุ่มพัฒนาฯ เค้ายอมรับเท่านั้น และโปรแกรมนี้นักวิทยุสมัครเล่นสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ฟรี ที่นี่ |
อะไรคือ Echolink
HS9FK (จ.ปัตตานี)
นักวิทยุสมัครเล่นอีกท่านหนึ่งที่เล่น
Echolink มาตั้งแต่เริ่มมีระบบนี้ในประเทศไทย
ได้ให้ความหมายของ Echolink ได้ค่อนข้างชัดเจน ว่า... @ - - - - - - - - - ขอขอบคุณ HS9FK ครับ - - - - - - - - - - @ Echolink คือชื่อของรูปแบบการติดต่อสื่อสารของนักวิทยุสมัครเล่นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อาศัยความสามารถของระบบอินเตอร์เน็ตและเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้ามาช่วยเพิ่มระยะทางในการติดต่อ ที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Voice Over Internet Protocal หรือ VOIP งัยครับ เรามาดู Echolink แบบง่าย ๆ คือ ถ้านายแดงติดตั้งโปรแกรม Echolink ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านแล้วต่ออินเตอร์เน็ตพร้อมทั้งเปิดโปรแกรม Echolink ขึ้นมา นายแดงก็จะเห็นรายชื่อสมาชิกทั้งหมดที่เปิดโปรแกรมนี้ ถ้าขณะนั้นนายดำเค้าก็ทำแบบเดียวกับนายแดง นายดำก็จะเห็นรายชื่อของสมาชิกทั้งหมดที่เปิดโปรแกรม Echolink รวมทั้งเห็นชื่อของนายแดงด้วย ทีนี้ถ้านายแดงสั่งให้โปรแกรม Echolink ทำการคอนเน็คกับนายดำ นายแดงก็จะสามารถพูดคุยผ่านทางไมค์โครโฟนกับนายดำได้ทันทีโดยที่ทั่งสองอาจอยู่ห่างไกลกันแค่ไหนก็ได้ (ทั้งนี้เพราะระบบอินเตอร์เน็ตจะทำให้ทั้งสองคนคุยกันได้ เหมือนกันเราใช้ MSN หรือ Yahoo คุยผ่านไมค์นั้นแหล่ะ)... ซึ่งลักษณะการกระทำของนายดำและนายแดง จะเป็นการใช้งาน Echolink พูดคุยกันที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น โดยเราจะเรียกการใช้งานแบบนี้ว่าแบบ User หรือสถานี User @ ต่อไปถ้านายแดงเอาเสียงที่ออกมาจากลำโพงเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่อเข้าไปยังไมค์ของเครื่องรับ-ส่งวิทยุ และต่อเสียงที่ออกจากลำโพงเครื่องรับ-ส่งวิทยุเข้ากับช่องไมค์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ (เราจะเรียกเครื่องรับ-ส่งวิทยุที่ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์นี้ว่าเครื่องลิงค์) ทีนี้ก็จะทำให้นายแดงสามารถคุยกับนายดำโดยผ่านเครื่องวิทยุสื่อสารอีกเครื่องหนึ่งที่ความถี่ตรงกันกับเครื่องลิ้งค์นี้ได้ และหากว่าใครคนหนึ่งสแกนความถี่ผ่านมาเจอความถี่ออกอากาศของเครื่องลิงค์ที่นายแดงเปิดเอาไว้ เค้าคนนั้นก็จะสามารถใช้วิทยุสื่อสารพูดคุยกบนายดำได้เช่นกัน โดยเค้าคนนั้นไม่ต้องรู้เรื่อง Echolink เลยก็ได้ ทั้งนี้เพราะระบบที่นายแดงทำเอาไว้ จะนำพาเสียงของเค้าคนนั้นผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังนายดำโดยอัตโนมัติ การกระทำของนายแดงขณะนี้เค้าเรียกว่าสถานี Link (แต่นายดำยังเป็นสถานี User อยู่น่ะครับ) แล้วระบบที่เค้าใช้กันอยู่ทุกวันนี้ล่ะ แล้วคนที่ไม่มีทั้งอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ทำงัยถึงจะได้คุย
Echolink กะเค้าบ้าง ทีนี้ท่านไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างคอมพิวเตอร์และต่ออินเตอร์เน็ต ท่านก็สามารถคุยผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้กะเค้าเหมือนกัน... (แต่ทั้งนี้ต้องด้วยความอนุเคราะห์จากเพื่อนสมาชิกคนใดคนหนึ่งที่เค้ามีสถานี Echolink น่ะครับ) |
รูปแบบของสถานี Echolink เราสามารถกำหนดในโปรแกรม Echolink ได้ว่าจะให้ทำงานในรูปแบบใด ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบ User และแบบ Sysop 1. สถานี Echolink แบบ User นั้นการใช้งานสถานี จะต้องใช้งานที่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น เวลาจะพูดออกไปก็ให้กดแป้น space bar แทนคีย์ Ptt ของเครื่องวิทยุ เวลาพูดก็พูดใส่ไมค์ของเครื่องคอมพิวเตอร์แทนไมค์เครื่องวิทยุ และฟังเสียงของเพื่อนสมาชิกทางลำโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์แทนลำโพงของเครื่องวิทยุ ซึ่งดู ๆ แล้วมันไม่น่าจะเป็นสถานีวิทยุสื่อสารเพราะไม่มีส่วนของเครื่องวิทยุสื่อสารมาเกี่ยวข้องเลย มีเพียงแต่นามเรียกขาน ของเราทีระบุอยู่ในโปรแกรมเท่านั้นเองที่บ่งบอกถึงการเป็นวิทยุสมัครเล่น (น่าจะเรียกเป็นสถานีคอมพิวเตอร์เสียด้วยซ้ำ)
สถานี Echolink แบบ User
นี้จะต้องมีอุปกรณ์พื้นฐานดังนี้ การใช้งานแบบ User นี้ท่านสามารถใช้งานพูดคุยกับสถานี Echolink ที่เป็น User ด้วยกันหรือที่เป็น สถานีวิทยุอื่นทางความถี่ก็ได้ (กรณีคุยผ่านสถานี Link) แต่ตัวท่านเองจะต้องนั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น 2. สถานี Echolink แบบ Sysop สถานี Echolink แบบนี้เราสามารถต่อเสียงจากเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับเครื่องวิทยุสื่อสาร เพื่อออกอากาศบริการเพื่อน ๆ สมาชิกนักวิทยุสมัครเล่นที่เค้ามีเพียงเครื่องวิทยุสื่อสาร ให้สามารถพูดคุยผ่านโปรแกรม Echolink ได้ ฉะนั้นถ้ามีสถานี Echolink แบบ Sysop นี้ออกอากาศอยู่ที่เชียงใหม่หนึ่งสถานี และมีที่สงขลาอีกหนึ่งสถานี ก็จะทำให้สมาชิกนักวิทยุสมัครเล่นสามารถคุยกันจากสงขลาถึงเชียงใหม่ได้ด้วยสายอากาศยาง ทีนี้ลองนึกดูว่า ถ้ามีสถานี Echolink แบบ Sysop อยู่ทุก ๆ จังหวัด ก็จะทำให้นักวิทยุสมัครเล่นทั่วประเทศคุยกันได้ด้วยสายอากาศยาง ใช่ไหมล่ะครับ
สถานี Echolink แบบ Sysop
นี้จะต้องมีอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมจากสถานี
Echolink แบบ User คือ
สถานี Echolink แบบ
Sysop ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
คือ สถานี Sysop แบบ Link
กับ สถานี Sysop แบบ Repeater
ซึ่งทั้งสองชนิดนี้จะใช้อุปกรณ์เหมือนกัน
แต่จะมีความต่างกันที่
สถานี Sysop แบบ Repeater นี้เค้านิยมกันในต่างประเทศ แต่สำหรับในประเทศไทยแล้วจะนิยมใช้งานแบบ Link มากกว่า ดังนั้นเลยนิยมเรียกสถานี Echolink แบบ Sysop ชนิด Link นี้ว่า สถานีลิ้งค์ กันมาตลอด |
การทำงานของโปรแกรม Echolink เมื่ออุปกรณ์พื้นฐานในการเล่น Echolink (เบื้องต้น) พร้อม เราก็ทำการติดตั้งโปรแกรม Echolink ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราและทำการเซ็ตโปรแกรมให้ทำงานแบบ User โดยดูรายละเอียดได้ในเวบไซด์นี้ ในหัวข้อ การติดตั้งและใช้งานโปรแกรมแบบ User หลังจากนั้นเมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาให้พร้อมใช้งาน ซึ่ง เราจะเรียกว่าสถานี Echolink แบบ User ต่อไปเราก็มาทำความเข้าใจกันต่อเลยว่า Echolink มีการทำงานอย่างไร จากภาพที่ 1 ด้านบนนี้ มีสถานี Echolink A และ สถานี Echolink B ซึ่งทั้งสองสถานีจะเป็นแบบ User หรือจะเป็นแบบ Link ก็ได้ แต่ในภาพผมวาดให้ง่ายแก่การดูครับ... ในกรณีที่มีการติดต่อกันอยู่เพียง 2 สถานี ในหน้าจอของแต่ล่ะสถานีจะแจ้งว่ามีอยู่ 1 connect ดังนั้นเมื่อทางด้านสถานี Echolink A กดคีย์แล้วพูดออกไป คอมพิวเตอร์ของสถานี A จะทำการส่งเสียงนั้นไปในอินเตอร์เน็ตแล้วเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สถานี Echolink B (เส้นสีเขียวในภาพ) ซึ่งขณะนี้ที่สถานี Echolink B จะฟังได้อย่างเดียว ไม่สามารถกดคีย์ตอบโต้ได้ แต่เมื่อเสียงจากสถานี Echolink A หยุดลง ทางสถานี Echolink B ก็จะสามารถกดคีย์แล้วพูดตอบออกไปได้ โดยเสียงจากสถานี Echolink B จะถูกส่งออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สถานี B แล้วส่งออกไปในอินเตอร์เน็ตไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สถานี A ให้ได้ยินกัน (เส้นสีน้ำเงินในภาพ) จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าทั้ง 2 สถานีจะสามารถพูดคุยติดต่อสื่อสารทางเสียงกันได้ แต่จะต้องผลัดกันพูดและฟัง สลับกันไปเหมือนกับการพูดคุยผ่านวิทยุสื่อสารทุกประการ นอกจากนี้ในโปรแกรม Echolink ยังมีส่วนของหน้าจอ ที่จะสามารถพิมท์ข้อความสื่อสารกันได้อีกด้วย ซึ่งบางครั้งเราจำเป็นที่จะต้องส่งข้อความเป็นตัวอักษรเพื่อความถูกต้อง เช่นส่ง อีเมล์แอดแดรส หรือส่งที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น ในกรณีที่มีสถานี Echolink มากกว่า 2 สถานี ทำการ connect เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีหลาย ๆ วิธี เช่น สถานี Echolink A connect สถานี Echolink B , สถานี Echolink B connect สถานี Echolink C , สถานี Echolink C connect สถานี Echolink D ไปเรื่อย ๆ จนครบทุก ๆ สถานี การ connect แบบนี้ จะทำให้ได้ยินเสียงของผู้พูดครบทุก ๆ สถานี แต่การ connect แบบนี้จะมีข้อเสียตรงที่ว่า หากสถานีใดสถานีหนึ่งมีปัญหาด้านอินเตอร์เน็ตขึ้นมากลางคัน ก็จะทำให้สถานีที่ connect อยู่ด้วย หลุดจากการ connect ไปเลย ทีนี้ลองมาดูการ connect แบบที่ผมจะแนะนำน่ะครับ นั้นคือแบบมีสถานี Echolink ใดสถานีหนึ่ง คอยเป็นสถานีกลางในการรับ connect จากเพื่อน ๆ Echolink ด้วยกัน (แสดงในภาพที่ 2 ซึ่งจะมีสถานี C เป็นสถานีกลาง) ในภาพที่ 2 จะเห็นว่าทั้งสถานี A , B และ D ไป connect อยู่กับสถานี C ดังนั้นที่หน้าจอของสถานี C จะแจ้งว่ามี 3 connect และจะมีรายชื่อของทั้ง 3 สถานีปรากฏอยู่ ส่วนที่หน้าจอของสถานี A , B และ D จะแจ้งว่ามีอยู่ 1 connect แต่มีรายชื่ออยู่ 3 สถานี (ไม่รวมสถานีตัวเอง) จากภาพที่ 3 สมมุติว่าสถานี A เป็นผู้พูด เสียงจากสถานี A จะไม่ถูกส่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังสถานีต่าง ๆ โดยตรง แต่เสียงจากสถานี A จะถูกส่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังสถานีกลางก่อน (สถานี C) แล้วจากนั้นสถานีกลางก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งเสียงของสถานี A ผ่านอินเตอร์เน็ตออกไปยังสถานีอื่น ๆ ที่เหลืออีกทอดหนึ่ง เป็นผลให้สถานีอื่น ๆ ที่เหลือได้ยินเสียงของสถานี A พร้อม ๆ กัน... ในทางกลับกัน ถ้าสถานีใดสถานีหนึ่ง (ที่ connect เข้าด้วยกัน) เป็นผู้พูด เสียงของสถานีนั้นก็จะถูกส่งผ่านอินเตอร์เน็ตไปยังสถานีกลางก่อน แล้วสถานีกลางจะทำหน้าที่ส่งเสียงนั้นต่อไปยังสถานีอื่น ๆ ที่เหลือ ให้ได้ยินเสียงกันทั่วหน้า... ซึ่งถ้าพิจารณาดูจะเห็นว่าข้อมูลที่วิ่งเข้าและวิ่งออกในอินเตอร์เน็ตที่สถานีกลางในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จะค่อนข้างเยอะกว่าสถานีอื่น ๆ ดังนั้นสถานีที่จะตั้งตนเป็นสถานีกลางกลางนี้ได้ จะต้องมีขนาด Bandwidth ของอินเตอร์เน็ตที่กว้างพอที่จะส่งข้อมูลเสียงเข้า-ออกได้ทัน ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำให้เกิดการสะดุดหรือกระตุกของเสียงขึ้นได้ |
หลักการพูดคุยโดยผ่านสถานี Echolink จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เราจะเห็นว่าเสียงที่พูดคุยผ่านโปรแกรม Echolink นั้นจะต้องมีการส่งผ่านระบบอินเตอร์เน็ตด้วย ซึ่งก็จะมีผลให้เสียงที่เดินทางในระบบอินเตอร์เน็ตนั้นล่าช้ากว่าในอากาศเล็กน้อยประมาณ 2-5 วินาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของอินเตอร์เน็ตทั้งของสถานีเราเอง และของคู่สถานีที่เราติดต่อด้วย ดังนั้นเมื่อเรากำลังสนทนาอยู่ในความถี่ที่ถูกลิ้งค์เป็น Echolink หลังจากเราพูดจบประโยคไปแล้วหรือปล่อยคีย์ไปแล้ว ให้เรารอสัก 2-5 วินาที หากรอแล้วไม่มีเสียงตอบกลับมาค่อยเรียกขานใหม่อีกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วทางด้านผู้รับนั้นเมื่อเค้าได้ยินเสียงเราปล่อยคีย์ เขาก็ตอบมาทันทีเหมือนกัน แต่ระบบอินเตอร์เน็ตมันทำให้เกิดการหน่วงเวลา เลยทำให้เราได้ยินเสียงจากคู่สถานีตอบเรามาช้าซักหน่อย ซึ่งคิด ๆ ไปแล้วมันก็คุ้มค่าในการรอ 2-5 วินาทีล่ะครับ ที่ว่าคุ้มก็น่าจะคุ้มกว่าการที่เราจะลงทุนตั้งทาวเวอร์ใหม่และติดตั้งสายอากาศสูง ๆ กำลังขยายมาก ๆ สักชุด เพื่อที่จะติดต่อได้ไกล ๆ เราหันมาใช้ Echolink กันดีกว่า คิด ๆ แล้วจ่ายค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ตทั้งปี ยังน่าจะคุ้มกว่าตั้งทาวเวอร์และระบบสายอากาศใหม่ซักต้นมั๊ง...!!!!!! และการพูดคุยผ่านโปรแกรม
Echolink หรือผ่านความถี่ที่ถูกลิ้งค์อยู่กับ
Echolink (ทั้งที่เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นความถี่
Echolink หรือบังเอิญ scan มาเจอ)
ให้พึงระลึกเอาไว้ว่าเราอาจไม่ได้พูดคุยอยู่กับสมาชิกสถานีใกล้
ๆ
แต่อาจพูดคุยอยู่กับสถานีไกล ๆ
จากสงขลาถึงกรุงเทพฯ
หรือจาก ยะลาถึงโคราช
ก็เป็นได้ ดังนั้น โดยรวมแล้ว การปฏิบัติยังเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมไปรษณีย์โทรเลขนั้นเอง แต่ในการใช้งานในช่องความถี่ปกติของเรานั้นเรามักจะไม่ขานนามเรียกขานของตนเอง ไม่แจ้งสถานที่ เพราะเราคุยกันอยู่ทุกวัน คุยกันในท้องถิ่นใกล้เคียง แค่เสียงกดคีย์เราก็จำกันได้แล้วว่าเป็นใคร... แต่สำหรับใน Echolink แล้ว สัญญาณที่เราส่งออกไปนั้น ด้วยระบบอินเตอร์เน็ตจะนำพาเอาเสียงเราไปได้ไกล ๆ ฉะนั้นคนอื่น ๆ ที่เราไม่มักคุ้น เค้าจะไม่ทราบได้ว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน จึงขอความกรุณาได้ปฏิบัติตาม 2 ข้อข้างบนด้วยนะครับ... |
ความถี่ใช้งาน Echolink กรมไปรษณีย์โทรเลขได้อนุญาตให้นักวิทยุสมัครเล่นใช้ความถี่ในการลิ้งค์เสียงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ (ผ่านระบบ VoIP) ไปออกอากาศด้วยเครื่องวิทยุสื่อสาร ที่ช่วงความถี่ 145.5000 MHz ถึง 145.6125 MHz และช่วง 145.7250 MHz ถึง 145.8000 MHz ซึ่งถ้าดูตามแบนด์แปลนของกรมไปรษณีย์โทรเลข ในข้อ 1.4 จะเป็นช่องความถี่ที่กำหนดให้ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารประเภทอื่น นั่นเอง สรุปความถี่ที่ใช้ลิ้งค์
Echolink ได้
ทั้งนี้หากใช้ช่องความถี่ใดแล้วเกิดการรบกวนกับสถานีอื่นที่ใช้งานอยู่ก่อนหน้านี้
24 มิถุนายน 2547 ฝ่ายกิจการวิทยุสมัครเล่น กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้อนุญาตให้นักวิทยุสมัครเล่นทดลองออกอากาศ Echolink ได้โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตต่อกรมไปรษณีย์โทรเลขอีกต่อไป |
มาดูรูปแบบเต็ม ๆ ของการสื่อสาร ด้วยโปรแกรม Echolink กันน่ะครับ
|
ปล. มีอะไรดี ๆ จะแนะเพิ่มเติม กรุณา Email ไปที่ HS9DMC ได้น่ะครับ